แก้ไข CPU Intel ส่งอ.บพิตร

       CPU Intel




MOS 6502

ใช้ใน Apple I , Apple II และprocessor จำนวนมากยังทำงานอยู่กับเครื่องจักรกลที่ใช้เฝ้าดูและควบคุมอุตสาหกรรม
MOS 6502 เป็น 8 บิต CPU ความสามารถในการอยู่ 64 กิโลไบต์หน่วยความจำระบบ





Intel 8080

มี microprocessor 8 bit to 4 MHz  RAM 64 KB 256 พอร์ต I / O
ทาง intel ได้พบข้อบกพร่องแล้วได้ปรับจนใช้กับ TTL มาตรฐานได้ และเป็นตัวที่จะพัฒนาเป็น Z80                  



Zilog Z80

Z80 มีพื้นฐานมาจาก Intel 8080 แต่มียอดขายดีกว่าเพราะมีการใช้ processor รุ่นนี้ใน PC จำนวนมาก แต่รุ่นที่รู้จักกันมาที่สุดคงเป็น TRS-80 ในสหรัฐอเมริกา และในอังกฤษ และยังมีการใช้ในอุปกรณ์ทางการทหาร เครื่องเล่นเกมอาร์เคด และเครื่องมือสื่อสาร ถือเป็น CPU ที่มีการใช้งานกันมากที่สุดนับตั้งแต่ปลายยุค 1970 มาจนถึงกลางยุค 1980
Zilog Z80 มี microprocessor 8 bit  RAM 64 KB 256 พอร์ต I / O





รุ่น 8086 8088

Intel 8086-8088 Microprocessor 16 bit  RAM 1 MB
8086 ทำให้เกิดสถาปัตยกรรม x86 ซึ่งทำให้ประสบความสำเร็จมากของอินเทล
ส่วน 8088 จะต่างตรงที่ ขาที่34 จะไม่มี BHE




Intel 8087

Intel ได้ออกแบบ 8087 coprocessor เพื่อใช้กับ 8088 และ 8086 microprocessor โปรแกรมที่ใช้ คำสั่งทางด้านทศนิยมน้อยอาจจะไม่ต้องสนใจกับตัว coprocessor โดยจะทำการตามคำสั่งโดยใช้ชุดคำสั่งของ 8088 ในกรณีที่มีการใช้คำสั่งทางทศนิยม โปรแกรมบางอย่างจะตรวจสอบว่ามี 8087


รุ่น 80286

ในปี ค.ศ. 1982 บริษัท Intel เริ่มผลิต 80286 microprocessor ในช่วงเวลา 6 ปีของการผลิต มีเครื่อง PC ประมาณ 15 ล้านเครื่อง ที่ใช้ CPU ตัวนี้ทั่วโลก โดย 80286 สามารถทำงานกับโปรแกรมที่เขียนให้กับ 8088 ได้
ยุคเริ่มต้น CPU ขนาด 16 บิตเริ่มจาก CPU ตัวนี้ โดยมีโหมดการทำงานอยู่ โหมด คือ Standard mode และ Protected mode ( ระบบปฏิบัติการ Windows ที่ทำงานบนเครื่อง 286 จะทำงานใน Standard mode) มีการอ้างอิงตำแหน่งได้ 16Mbyte                            


80286 เป็นแบบ 16 bit ภายในมีทรานซิลเตอร์บรรจุอยู่ประมาณ 130,000 ตัว 6 MHz (4 MHz for a short time) to 25 MHz



Intel 80386DX

ไมโครโปรเซสเซอร์ ในยุคที่ 3 (ตระกูล i386)
ใน ปี 1985-1988 Intelได้ประกาศตัวโปรเซสเซอร์ตัวใหม่ขนาด 32 บิตที่มีความสามารถสูงกว่า 80286ซึ่งได้แก่ โปรเซสเซอร์ในยุคที่ คือ 80386DX ซึ่ง ในปี 1985 ที่ประกาศตัวนี้ มีถึง รุ่นด้วยกัน ได้แก่16, 20, 25 และ 33MHzโดยรุ่น 33MHz นี้มีอัตราความเร็วในการรับส่งข้อมูลสูงถึง 50MB/s และมีประสิทธิภาพในการประมวลผลสูงถึง11.4MIPS สำหรับโปรเซสเซอร์ในยุคที่ นี้ มีสองแบบ ได้แก่80386DX และ 80386SX

Intel 80386DX ทำงาน 32 บิต  มี4รุ่น 16, 20, 25 และ 33MHz โดยรุ่น 33MHz นี้มีอัตราความเร็วในการรับส่งข้อมูลสูงถึง 50MB/s




รุ่น 80486
ความจริงก็คือ 80386 รุ่นปรับปรุงนั้นเองโดยได้เพิ่มตัวประมวลผลทางคณิตศาสตร์ (Math co-processor) เพิ่มหน่วยความจำ Cache ภายใน CPU ทำให้ 80486 ทำงานได้เร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และได้เพิ่มการทำงานที่เรียกว่าpipelining เข้าไป แต่เนื่องจากว่า 80486 ที่มี math co-processor มีราคาค่อนข้างสูง 
Intel จึงได้ออก CPU 80486SX ซึ่ง ได้ถอด math co-processor ออก ( ตัว 80486 ที่มี math co-processor เรียกว่า 80486DX) ทำให้มีราคาถูกลง ตัว 80486 เองได้มีการปรับปรุงขึ้นมาอีกขั้นขึ้นการทำงานในลักษณะที่เรียกว่า Clock doubling คือ เป็นการเพิ่ม Speed ของ Clock ให้สูงขึ้น เช่น 80486DX/2 ทำงาน Clock speed 40/50/60 MHz 80486DX4 ทำงานที่ Clock speed 100 MHz เป็นต้น จากการที่ Clock speed สูงขึ้น บวกกับการที่ได้เพิ่มอุปกรณ์บางอย่างเช่น หน่วยความจำแคชที่มากขึ้น ทำให้ CPU รุ่นนี้ได้รับความนิยมอยู่เป็นเวลานาน 





Intel Pentium (1993-1998)
ในช่วงแรกได้ผลิตออกมาที่ความเร็ว 60 และ66 เมกะเฮิรตซ์ อีกไม่นานนักอินเทลก็ได้ ผลิตความเร็วสูงขึ้นอีกเป็น 75 และ 90 เมกิเฮิรตซ์ ซึ่งมีสถาปัตยกรรมที่แตกต่างจากรุ่นแรกๆ และยังสามารถพัฒนาความเร็วไปได้อีกคือ 100 , 13 , 150 และ 166 เมกะเฮิรตซ์ เป็นซีพียูที่มีขีด ความสามารถสูงในด้านความเร็วและเทคโนโลยี มีแคชภายในมากขึ้น และทำงานกับเลขทศนิยมได้ดีขึ้น



1995 : Pentium Pro Processor สำหรับเครื่อง Server และ Work Station โดยต่อมาได้ผลิตเทคโนโลยี MMX และทำเป็น Intel  MMX

1997 : Pentium II Processor รวมTechnology ของ Pentium Pro คือ มี cache ระดับ รวมอยู่บนpackage เดียวกับ CPU กับ Technology MMX

1998 : Pentium II Xeon(TM) Processor สำหรับ Server และ Work Station
Pentium ll เป็นซีพียูที่ประกอบไปด้วยเทคโนโลยีของ Pentium Pro ผนวกเข้ากับเทคโนโลยี MMX ที่ใช้สถาปัตยกรรมการทำงานแบบใหม่ที่เรียกว่า “Single InstructionMultiple Data (SIMD)” เพื่อเร่งความเร็วในการ ทำงานแบบ 64 บิต และยังมีการเพิ่มชุดคำสั่งเข้าไปอีก 70 คำสั่ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการ ประมวลผลงานด้าน 3 มิติ




1999 : Celeron(TM) Processor ผลิตมาเพื่อตลาดระดับล่างของ Intel ที่ตัดความสามารถบางส่วนออก เพื่อลด ต้นทุนการผลิต และ สามารถขายได้ในราคาที่ถูกกว่า Pentium II มาก แต่ถึงแม้ Celeron ที่ออกมานั้น จะใช้ในงานด้าน เล่นเกมส์ได้ดี แต่กลับงานประเภท office application กลับทำได้แย่กว่า หรือ พอๆกับ Pentium MMX


1999 : Pentium III Processor เพิ่มชุดคำสั่งที่ช่วยประมวลผลในด้านต่างๆไปใหม่ ในลักษณะของ MMX
เป็นซีพียูที่มีความเร็วเริ่มต้นที่ 450 MHz ไปจนถึง 620 MHz  ใช้สถาปัตยกรรมแบบ SECC 2 (Single Edge Contact Cartridge 2 ) 



1999 : Pentium III Xeon(TM) Processor สำหรับ Server และ Work Station
ซีพียูมีแพ็คเกจแบบ SECC2 และลดขนาดของหน่วยความจำแคชระดับสองลงเหลือเพียงครึ่งหนึ่งคือ 256 KB




2001 : Pentium 4 Processor    มีเทคโนโลยี HT ทำให้การใช้งานทีละหลายโปรแกรมได้ดีขึ้น
เพนเทียมโฟร์ Pentium 4 เป็นรุ่นที่ค่อนข้างจะมีความเร็วผิดจากที่คาดไว้ และมี Cache น้อย อย่างไรก็ดี ชิปชุดนี้ก็ได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรมการ ออกแบบที่ใหม่ทั้งหมด




2005 : Pentium D มีการใช้สถาปัตยกรรมแบบ Multi-core เพิ่มเข้ามาโดยมี2 coreแต่ละ core จะเป็นอิสระต่อกัน
ซี พียู Pentium D นับเป็นก้าวแรกสู่ยุค Dual& Muti-Core ของ Intel โดย Pentium D ถูกออกมา เพื่อการทำงานที่ต้องการ Multitasking สูงๆ หรือสามารถทำงานกับแอพพลิเคชั่นได้หลายตัวพร้อมกันอย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่- Pentium D ( Smithfield-90nm)- Pentium D (Presler-65 nm)



2006 : Intel Core 2 Duo  รองรับชุดคำสั่ง 64 bit และยังประหยัดพลังงานมากขึ้นด้วย

คำศัพท์ที่ควรรู้

Cores คือ แกนประมวลผลที่ระบุถึงจำนวนหน่วยประมวลผลกลาง
Cache คือ บริเวณที่หน่วยความจำที่รวดเร็วอยู่บนโปรเซสเซอร์
Bus speed คือ ระบบย่อยที่ถ่ายโอนข้อมูลระหว่างอุปกรณ์คอมพิวเตอร์
Processor Base Frequency คือ อัตราที่เกิดการเปิดและปิดของทรานซิสเตอร์ของโปรเซสเซอร์ ความถี่    จะถูกวัดเป็นกิกะเฮิรตซ์ (GHz)
Max Turbo Frequency คือ ความถี่สุดสุดของแกนประมวลผลแกนเดียวที่โปรเซสเซอร์สามารถปฏิบัติการณ์โดยใช้เทคโนโลยี Intel® Turbo Boost 
Sockets Supported คือ การเชื่อมระหว่างโปรเซสเซอร์และเมนบอร์ด
Max Memory Size คือ ความจุสูงสุดของหน่วยความจำที่โปรเซสเซอร์รองรับ





ตารางเปรียบเทียบระหว่าง intel i3 i5 i7




i9 ที่ออกมาใหม่ล่าสุด คนส่วนใหญ่ไม่ได้ทำงานกราฟฟิกหรือต้องเฟรมเรดสูงๆก็จะยังไม่นิยมใช้เนื่องในราคาที่สูง
และยังมีเรื่อง socket ที่หาเมนบอร์ดใช้ยาก แต่มองอีกมุมคือคนทำงานด้านกราฟฟิกก็จะมีคนใช้เนื่องในมีความเร็วมากเพราะ core เยอะ
 
ตัวอย่าง
Intel® Core™ i9-7980XE Extreme Edition Processor
มี Cores 18
Processor Base Frequency 2.60 GHz
Max Turbo Frequency 4.20 GHz
Max Memory Size  128 GB
Sockets Supported  FCLGA2066

:ที่มา ;  

http://www.cpu-world.com/CPUs/8080/
https://www.makeuseof.com/tag/intel-core-i3-vs-i5-vs-i7-one-really-need/
https://ark.intel.com/products/126699/Intel-Core-i9-7980XE-Extreme-Edition-Processor-24_75M-Cache-up-to-4_20-GHz





ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

AMD

CPU MOS6502 - intel core 2 duo

ตาราง i3- i9